การฝังเข็มเป็นศาสตร์การรักษาสุขภาพในศาสตร์การแพทย์แผนจีนมาเป็นเวลาหลาย พันปี ชาวจีนโบราณได้ค้นพบวิชานี้จากการบาดเจ็บ เช่น มีของแหลมทิ่มแทงขณะทำงาน หรือต่อสู้ เมื่อบาดแผลทุเลาลงปรากฏว่าโรคประจำตัวบางอย่างหายไปด้วย
วิชาการฝังเข็มด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีนจึงเป็นที่แพร่หลายนานาประเทศ มีการศึกษาทดลองจนเป็นที่สนใจและให้ความสำคัญไปทั่วโลก
ตามตำราจีนโบราณค้นพบ จุดฝังเข็มบนร่างกายทั้งหมด 365 จุดกระจายอยู่บนร่างกายที่เรียกว่า “เส้นลมปราณ” ซึ่งเส้นลมปราณแต่ละเส้นจะเชื่อมต่อกับอวัยวะภายในร่างกาย หากพลังลมปราณไหลเวียนไม่สะดวก หรือ ไหลเวียนติดขัด ก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมาได้ที่เราเรียกว่า ภาวะร่างกายไม่สมดุล (หยิน-หยางไม่สมดุล)
เป็นวิธีการลงเข็มรักษาไปตรงตำแหน่งของจุดฝังเข็ม จะมีการประสานการทำงานเป็นระบบองค์รวมโดยผ่านเส้นลมปราณ ในเส้นลมปราณจะมีพลังชี่และเลือดไหลเวียนอยู่ การฝังเข็มจะทำให้จุดฝังเข็มสะท้อนกลับไปปรับสมดุลอวัยวะต่างๆ ที่เสียสมดุลให้กลับมาอยู่ในสภาวะสมดุล
การฝังเข็มจะฝังเข็มลงที่กล้ามเนื้อ บริเวณจุดฝังเข็มนั้นๆ ระหว่างเข็มฝังเข้าไปแทบจะไม่มีความรู้สึกของเข็ม หลังจากเข็มเข้าไปแล้วจะรู้สึกอาการตึงๆ หน่วงๆ บางจุดจะชาๆ จื้ดๆ แต่จะไม่มีอาการเจ็บปวดเหมือนโดนฉีดยา เนื่องจากเข็มที่ใช้ฝังเข็มเล็กประมาณ 0.20 mm.
ก่อนการฝังเข็มควรเตรียมพร้อมร่างกายอย่างไร
1. พักผ่อนให้เพียงพอ
2. ไม่หิวหรืออิ่มจนเกินไป
3. ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ก่อน หรือหลังฝังเข็ม
สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติหลังการฝังเข็ม
1. ห้ามออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป
2. ว่ายน้ำ (ควรว่ายหลังฝังเข็มประมาณ 2 ชม.)
หลังฝังเข็มอาจมีความรู้สึกตึงๆ แน่นๆ ของเข็มบ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงจะหายไปเอง กรณีที่มีอาการปวดบวม เนื่องจากระหว่างฝังเข็มผู้ป่วยมีการขยับหรือเกร็งบริเวณที่ฝังเข็มทำให้ เกิดการรัดตึงที่เข็ม หลังถอนเข็มอาจมีเลือดออกเล็กน้อยหรือเป็นตุ่มก้อน ให้กดค้างไว้ประมาณ 10 วินาที อาจทิ้งรอยจ้ำเขียวๆ เหมือนโดนชนของ ประมาณ 2-3 วันหายเป็นปกติ
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศยอมรับการรักษาโรค และบรรเทาอาการด้วยการฝังเข็มไว้ ดังนี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โรงพยาบาลกรุงเทพตราด โทร. 039-552-777
ฉุกเฉิน